Thai = เสียงไทยมาสเตอร์, Thai(C) = เสียงไทยโรง, Soundtrack(T) = เสียงซาวด์แทรกซับไทย, Soundtrack(E) = เสียงซาวด์แทรกซับอังกฤษ

เรื่องย่อ

17 ปีที่แล้ว เราได้รู้จักกับ Wolverine และสหาย mutants ครั้งแรกใน X-Men (2000) และตลอด 17 ปีที่ผ่านมา เราได้ดูหนังในจักรวาล X มาแล้ว 8 เรื่อง โดย โลแกน นี้เป็นลำดับที่ 9 และจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ Hugh Jackman กับ Patrick Stewart จะมารับบทบาทเป็น Wolverine และ Prof. Charles Xavier Wolverine เป็นมนุษย์กลายพันธุ์คนเดียวที่มีหนังภาคแยกเป็นสตอรี่ของเขาเอง ได้แก่ X-Men Origins: Wolverine (2009) และ The Wolverine (2013) ก่อนที่จะมี โลแกน (2017) ซึ่งได้ James Mangold จาก The Wolverine (2013) มากำกับ เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 2029 เป็นยุคที่มนุษย์กลายพันธุ์ถูกล้างเผ่าพันธุ์ไปจนหมด และไม่มีมนุษย์กลายพันธุ์เกิดใหม่มากว่า 25 ปี คงเหลือแต่ Wolverine, Professor X, และ Caliban (Stephen Merchant) มนุษย์ผิวเผือก ซึ่งต่างก็แก่ชรากันเต็มที ถึงไทม์ไลน์จะเป็นเรื่องราวของโลกในอนาคต แต่ โลแกน มีฟีลย้อนยุค มีกลิ่นอายหนังคาวบอย และโทนของหนังก็ฉีกออกจากหนังตระกูล X ทุกภาคที่เคยดูกัน ในเรื่องนี้เหลือ mutants น้อยมาก เท่าที่เหลืออยู่ก็มีสังขารร่วงโรย พลังถดถอยไปหมด ที่โดดเด่นก็มีเพียง โลแกน (Hugh Jackman) กับเด็ก Laura หรือ X-23 (Dafne Keen) เท่านั้น และถึงแม้จะมีหนึ่งในตัวละครเอกเป็นเด็กวัย 11 ขวบ แต่ โลแกน ไม่ใช่หนังสำหรับเด็กหรือหนังเหมาะกับทุกคนในครอบครัวอีกต่อไป เพราะความดาร์ค ดิบ เถื่อน โหด รุนแรง เลือดสาดกว่าหนังฮีโร่เรื่องอื่น ๆ ของค่ายมาร์เวล ถึงขั้นเรท R เลยทีเดียว แต่ก็พอมีมุขตลกน่ารักๆ มีความยียวนกวนอวัยวะส่วนล่างเบาๆ ที่ยังคงความเป็นหนังมาร์เวลอยู่บ้าง โลแกน มีความลงตัวทั้งฉากบู๊แอ็คชั่นและดราม่า ฉากแอ็คชั่นนี่มันส์ สนุก และสดใหม่มาก ส่วนฉากดราม่าก็เกือบทำน้ำตาซึม มันไม่ใช่แค่ความผูกพันของตัวละครหลักในเรื่อง แต่มันมีความผูกพันของคนดูอย่างเรากับตัวละครเหล่านี้ด้วย ที่น่าสนใจคือ นี่คือหนังมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีความเป็นมนุษย์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

Thai HD
8.1 /10

แสดงความคิดเห็น