เรื่องย่อ
เมื่อมีโอกาสทำสารคดีเข้ามา ฉันก็ลังเลใจมาก ฉันคิดว่าเพราะฉันดูค่อนข้างเปิดกว้างเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นในการสัมภาษณ์ บนเวที หรือโซเชียลมีเดีย ผู้คนต่างคิดว่าพวกเขารู้จักฉันและชีวิตของฉันมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฉันมักจะเก็บเรื่องต่างๆ ไว้กับตัวเองมากมาย เรื่องของการตั้งค่า ตอนนี้หนังเรื่องนี้ ซึ่งใช้เวลาสร้างนานถึง 2 ปีครึ่งในที่สุดก็จะเข้าฉายแล้ว ผมคงโกหกถ้าบอกว่าไม่ได้ประหม่ามากนัก ฉันรู้สึกเหมือนมีหลายสิ่งหลายอย่างในนั้นที่ฉันไม่เคยพูดถึงมาก่อน และจริงๆ แล้วหนังทั้งเรื่องมีความใกล้ชิดกันมากกว่าที่ฉันเคยจินตนาการไว้มาก ดังนั้นมันจึงรู้สึกเหมือนเป็นตำแหน่งที่อ่อนแอเป็นพิเศษที่ต้องเผชิญ ประหม่าพอๆ กับที่ฉันกังวล ฉันตั้งตารอที่จะแบ่งปันมันกับโลกจริงๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า 'How I'm Feeling Now' และตั้งชื่อตามเพลงที่ฉันเขียนซึ่งออกฉายแล้ว มันเป็นเพลงสุดท้ายที่ฉันเขียนสำหรับอัลบั้มที่กำลังจะมาถึงและเป็นเพลงที่เกี่ยวกับสิ่งที่ฉันไม่เคยเขียนมาก่อนในเพลงของฉันจริงๆ ซึ่งก็คือสุขภาพจิตของฉัน แน่นอนว่าฉันตระหนักดีว่าฉันโชคดีแค่ไหนที่ได้มีชีวิตที่ฉันทำ และฉันรู้ว่ามีคนในตำแหน่งที่แย่กว่าที่ฉันอยู่ที่นั่นมาก แต่ตราบใดที่ 5 ปีที่ผ่านมาเป็นชีวิตที่ดีที่สุดของฉัน ฉันจะโกหกถ้า ฉันบอกว่าทั้งหมดนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจและด้วยความจริงใจ มีบางจุดที่ต่ำมาก และนั่นคือสิ่งที่เพลงนี้พูดถึง ฉันรู้ว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ยากสำหรับทุกคน ดังนั้นหวังว่าคุณจะเกี่ยวข้องกับทำนองนี้ในทางใดทางหนึ่ง และคงจะดีที่ได้ยินว่ามีคนอื่นในเรือลำเดียวกันกับคุณ ฉันรู้ว่ามันจะเหมาะกับฉัน สุดท้ายนี้ ฉันแค่อยากจะบอกว่าฉันภูมิใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่สารคดีเรื่องนี้กลายเป็นออกมา และต้องขอบคุณ Joe Pearlman, Alice Rhodes, Sam Bridger, Amy Rattray และทุกคนที่ Pulse films, Independent Talent, Quickfire Films, BMG & Netflix ที่ทำให้มันเกิดขึ้น จริงๆ แล้วนี่เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจและแปลกประหลาดที่สุดในชีวิตของฉัน แต่ฉันสงสัยว่าฉันจะรีบเร่งสร้างใหม่อีกครั้งในเร็วๆ นี้ เพราะการมีทีมงานกล้องติดตัวคุณไปทุกที่ทำให้คุณดูเหมือนไอ้จ้อนและค่อนข้างจะโคตรง่ายเลย โง่. ยังไงก็ตาม ฉันจะหยุดพูดไร้สาระ